ใช้หัวข้อนี้เป็นคำนำ เพราะว่าชีวิตประจำวันของคนในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและการสื่อสารด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันมาก ผมเองมีโอกาสได้แตะต้องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยุคในสมัยที่ใช้ระบบปฎิบัติการ DOS การใช้คอมสมัยนั้นยากลำบากพอดู เพราะต้องเรียนรู้และจดจำคำสั่งพื้นฐานในการใช้งานดอส ต่อมามีการพัฒนาระบบปฎิบัติการเรียกว่าวินโดร์ โดยเจ้าวินโดร์ตัวเริ่มต้นนี้ต้องเรียกการใช้งานผ่านจากคำสั่งดอส และพัฒนามาเรื่อยๆจนถึง PLUG&PLAY (คือเสียบต่อแล้วเล่นได้เลย)แต่เนื่องจากกระบวนการพัฒนายังยุ่งยาก จึงมีการล้อเลียนว่า PLUG&PRAY (คือเสียบต่ออุปกรณ์แล้วลงมืออธิษฐาน ขอให้มันทำงานได้)
วินโดร์พัฒนาจากวินโดร์ ๓.๑ เป็นวินโดร์ ๙๕ ๙๗ ๙๘ วินโดร์ ๒๐๐๐ วินโดร์ ME วินโดร์์NT ยังมีอีกเยอะจนถึงปัจจุบันวินโดร์เจ็ด ที่พูดถึงวินโดร์โดยไม่พูดถึงระบบปฏิบัติการอื่นเพราะมันยึดส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดและผมเองก้อเป็นลูกค้าที่ใช้บริการของมันมาตลอด
สิ่งที่ผมเป็นทุกข์และเกรงกลัว กังวลใจกับเจ้าวินโดร์นี้ คือ เวลาคอมมีปัญหา และจำเป็นต้องติดตั้งใหม่ ข้อมูลก้อหายไปบ้าง การทำงานไม่ปกติ เช่น สีไม่เหมือนเดิม เสียงไม่ทำงาน อุปกรณ์ต่อพ่วงไม่รู้จัก ฯลฯการติดตั้งระบบปฎิบัติการใหม่ จึงเป็นเรื่องเครียดอย่างหนักเรื่องหนึ่ง
ผมเองมีโอกาสสู้กับเรื่องพวกนี้ในคอมตั้งแต่วินโดร์ สาม จนมาถึงวินโดร์เอ็กพี และเฝ้าบอกกับตัวเองว่าพอแล้ว เบื่อแล้ว กลัวแล้ว
ทีนี้เพราะโลกมันเปลี่ยนไปมาก โน๊ตบุคที่ใช้ในปัจจุบัน มันเป็นวินโดร์เจ็ด ที่ติดตั้งมาจากบริษัท แถมแผ่นติดตั้งอะไรก้อไม่มีให้เลย ทำให้ผมต้องใช้เจ้าคอมตัวนี้ด้วยความหวาดกลัว และในที่สุดปัญหามันก็เกิดขึ้นจนได้ คอมเดี้ยง อุตส่าห์แบกคอมไปที่ศูนย์ เจ้าหน้าที่แสนน่ารักบอกว่าจัดการให้ได้ไม่มีปัญหา เหมือนเครื่องใหม่ทุกประการ คือไม่มีอะไรเหลืออยู่ในคอมเลย เหมือนเครื่องใหม่ออกมาจากร้าน ผมซีดเลย แล้วข้อมูลที่ใส่ไปตั้งแปดเดือนจะทำยังไง สุดท้ายตัดสินใจแบกกลับบ้าน พูดกับตัวเองว่า ถ้าต้องหมด ผมลองทำเองดีกว่าเผื่อยังเหลืออะไรบ้าง จึงกลับมาและพยายามจัดการเอง
เนื่องจากการเรียนรู้จากอดีต ผมมักจะแบ่งฮาร์ทดิสออกเป็นอย่างน้อยสองสามส่วนคือที่เก็บข้อมูลและที่เป็นส่วนของโปรแกรม สุดท้ายหลังการแก้ปัญหาคือ ในส่วนของที่เก็บข้อมูลไว้เอากลับมาได้ แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับวินโดร์และโปรแกรมหายหมดเกลี้ยง บทความเรื่องประวัติศาสตร์คริสตจักรสากลที่จะทำเป็นการบ้านหายไปและไม่ได้ทำสำเนาไว้ จึงเป็นเรื่องเสียหายที่สุดของรายการนี้ นอกจากนั้นยังมีข้อมูลอีกพอสมควรที่โหลดมาแต่ยังไม่ได้สำรองไว้ ก็อันตธานไปเช่นกัน
ที่เล่าเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ให้เพื่อนๆแต่ล่ะคนระวังตัวกันเองน่ะครับเกี่ยวกับการใช้คอมของตนเอง
แต่ส่วนตัวเอง ได้เรียนรู้ใหม่เกี่ยวกับการติดตั้งวินโดร์เจ็ด ว่ามันไม่น่ากลัวอย่างที่ตนเองเคยคิด เรื่องที่สองคือ เก็บสำรองข้อมูลไว้เสมอ และเรื่องที่สามคือ เดินต่อไปครับแม้มีอุปสรรคและปัญหา อย่าให้ความกังวลทำลายพลังที่พระเจ้าประทานแก่เรา ขอบคุณมากครับที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
15.5.54
4.5.54
อันตรายของความน้อยเนื้อต่ำใจ
วันหนึ่งซู่ซินถามผมว่า"วิชา คุณคิดว่าความน้อยใจเป็นบาปไหม?"
ทำให้ผมต้องนิ่งคิดก่อนที่จะตอบคำถามของภรรยา อึมความน้อยใจเป็นบาปไหม?เท่าที่ในเวลาสั้นๆสมองครุ่นคิด มีพระคัมภีร์ตอนไหน พูดถึงความน้อยใจไหม? ยังคิดไม่ออกทันที
แต่คิดพยายามจำกัดความว่า ความน้อยใจ คือ อะไร?จำกัดความอย่างไร?มีผลกระทบอะไร?
ความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอาการผิดหวัง เสียใจ รู้สึกไม่ได้รับสิ่งที่คิดว่าควรจะได้รับ เช่น การยอมรับ การให้เกียรติ ความสนออกสนใจ การยกย่อง เป็นต้น น้อยใจไม่ได้เลื่อนขั้น น้อยใจไม่ได้รับรางวัล น้อยใจไม่มีใครพูดถึงฯลฯ ยิ่งคิดยิ่งพิจารณาคำว่า น้อยใจ
ซู่ซินแสดงความเห็นว่า น้อยใจเป็นอาการของความรู้สึกว่าตนเองสำคัญแต่ไม่ได้รับความสำคัญ จึงน้อยใจ
แล้วซู่ซินก็สรุปว่า คนที่พยายามคิดว่าตนเองสำคัญ มันอันตราย
มีแต่พระเจ้าเท่านั้ันสำคัญ ถ้าใครอยากได้รับเกียรติ ควรเป็นเกียรติที่พระเจ้าประทานให้
คำพูดนี้กระตุ้นความคิดให้ผมมาก ถ้าความน้อยใจมาจากความรู้สึกว่าตนเองสำคัญ แต่ไม่ได้รับคุณค่าความสำคัญ แสดงว่าความน้อยใจเป็นอาการอีกด้านหนึ่งของความหยิ่งผยอง พระคัมภีร์พูดถึงบาปของความหยิ่งผยอง ดังนั้นความน้อยใจ เมื่อรู้สึกผิดหวัง ว่าตนควรพึงได้รับบางสิ่งแต่ไม่ได้รับและรู้สึกหดหู่หรือแย่ จึงเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจสามารถนำไปสู่ความบาปอันเป็นรากขมขื่นใจได้
ขอให้ผู้อ่านพิจารณาเกี่ยวกับความรู้สึกน้อยใจที่เกิดขึ้นน่ะครับ
ตรงนี้เพียงเป็นการเริ่มต้นเปิดประเด็นความคิดก่อน เป็นเบื้องต้นเท่านั้นน่ะครับ
1.5.54
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)